สัมผัสฤดูหนาวกับเมืองในฝันที่ฮอกไกโด (Hokkaido)
ทริปนี้เราจะพามาฟิน มากิน มาเที่ยวให้สุขอุรากับฤดูหนาวอันแสนโรแมนติกที่ฮอกไกโด เป็นที่เลื่องลืออยู่แล้วว่าถ้าอยากฟินกับหิมะที่ประเทศญี่ปุ่นต้องขึ้นเหนือไปจังหวัดฮอกไกโด ดังนั้นวันนี้เราจะมาพบกับ Unseen in Hokkaido หลายๆคนก็พอจะรู้แล้วว่าจังหวัดฮอกไกโดมีเมืองน่าสนใจหลายๆเมือง และที่พลาดไม่ได้เลยคือซับโปโร ดีใจจริงๆที่ปีนี้ญี่ปุ่นเปิดประเทศแล้ว ราวๆเดือนกุมภาพันธ์จะมีเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งซึ่งประเทศไทยเองยังเคยส่งช่างแกะสลักน้ำแข็งเข้าร่วมงานด้วย โดยปีนี้ 2023 การท่องเที่ยวฮอกไกโดกลับมาจัดงานสโนว์เฟสติวัลอีกครั้ง งานจัดขึ้นวันที่ 4-11 กุมภาพันธ์ 2023 เทศกาลนี้จะมีน้ำแข็งที่ถูกสลักเสลาอย่างสวยงาม ตั้งเรียงรายอยู่ที่สวนโอโดริ ให้เราได้เที่ยวชม ใครวางแผนจะไปเตรียมจองตั๋วล่วงหน้ากันได้เลยนะคะ
นอกจากงานเทศกาลแกะสลักน้ำแข็ง ยังมีเทศกาลประดับไฟของเมืองซับโปโรที่เป็นเทศกาลประจำฤดูหนาวของเมืองอีกด้วย ประหนึ่งว่าเป็นงานทุ่งศรีเมืองประจำจังหวัดทางภาคอีสานของเราก็ว่าได้ งานนี้จะมีการจัดแบ่งพื้นที่ในแต่ละส่วนของย่านใจกลางเมือง ตามถนนเส้นหลัก เพื่อประดับประดาดวงไฟหลากสีให้สว่างและสวยงามตามแบบฉบับของเค้า แต่ก่อนงาน Sapporo White Illumination จะประดับไฟมากกว่า 1,000 ดวง ที่สวนโอโดริ ปีนี้ต้องหาเวลาไปเดินนับไฟแล้วล่ะค่ะ เค้าจะเปิดไฟประดับให้เราชมในตอนที่พรอาทิตย์ตกดินจนถึงช่วงดึก งานนี้จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนจนถึงกลางเดือนมีนาคมขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่จัดงานด้วยนะคะ ยังพอมีเวลาจองตั๋วกันค่ะ
มาถึงย่าน โอตารุ (Otaru) เป็นเมืองท่าเรือขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของซัปโปโร คลองโอตารุ เป็นคลองที่ขุดขึ้นราว 100 ปีก่อน เลียบฝั่งคลองเรียงรายไปด้วยโกดังที่สร้างด้วย หินและอาคารเก่าแก่ต่างๆที่ล้วนแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในตอนกลางคืนมีแสงไฟจากโคมไฟสว่างไสวได้บรรยากาศโรแมนติกน่าเดินเล่นมาก(แต่หนาวนะ)
ปัจจุบันโกดังเลียบคลองบางหลังถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้า มีทั้ง โรงงานผลิตเครื่องแก้ว (Glass Workshops) งานฝีมือพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Music Box Museum) ของที่ระลึก รวมถึงร้านขนมหวาน และโรงกลั่นวิสกี้ชื่อดังของญี่ปุ่น (NikkaWhisky)
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีจะมีงาน Otaru Snow Light Path ซึ่งจะจุดเทียนตามทางเดิน ท่ามกลางหิมะขาวทำให้คลองโอตารุเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าประทับใจในบรรยากาศเมื่อคุณคุณได้ไปเยือน
อากาศหนาวๆ แบบนี้เราแนะนำน้ำพุร้อนที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน เพราะน้ำพุร้อนแห่งนี้มีสารพัดแร่ธาตุที่จะทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงาน โนโบริเบทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu) เรียกได้ว่าเป็นย่านบ่อน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของฮอกไกโดเลยก็ว่าได้ซึ่งโนโบริเบทสึออนเซ็น เป็นเมืองกลางหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของฮอกไกโด ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อน เพราะที่นี่มีบ่อออนเซ็นหลากหลายมาก ทั้งกำมะถัน เกลือ โซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นต้น เลือกแช่กันได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีที่พักมากมายให้ได้เลือกกันตามความต้องการ ทั้งแบบโรงแรม เรียวกังสไตล์ญี่ปุ่น ราคาก็มีให้เลือกหลายแบบ และถ้าใครอยากอาบน้ำแบบห้องน้ำสาธารณะที่นี่ก็มีเหมือนกัน อยู่ใจกลางเมืองเลย การเดินทางแสนง่ายด้วยรถยนต์จากสถานี Noboribetsu ไปยังโนโบริเบทสึออนเซ็นใช้เวลา ประมาณ 10 นาที
ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม บริเวณบ่น้ำพุร้อนโนโบริเบ็ทสึ จะเป็นเจ้าภาพเทศกาลท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงอีกงานหนึ่งของฮอกไกโดชื่ออาจไม่น่าพิศมัยสำหรับคนไทยแต่ไม่ไปไม่รู้นะเออ เทศกาลนั้นมีชื่อว่า “เทศกาลนรก” เทศกาลนี้เกิดขึ้นตามตำนานที่ว่าประตูนรกจะเปิดจากหุบเขาจิโงคุดานิ ในโนโบริเบ็ตสึออนเซ็น งานนี้เค้ามีประดับโคมไฟทั่วถนนสายหลักของเมือง มีซุ้มขายอาหาร และที่สำคัญมีขบวนแห่ที่มีคนสวมเครื่องแต่งกายแบบพิเศษขึ้นรถแห่ไปรอบเมืองพร้อมทั้งเชิญชวนผู้รอชมร่วมขบวนเต้นรำไปด้วยกันสนุกสนานอย่าบอกใคร
อินกับเรื่องเที่ยวแล้วเราเลี้ยวมาฟินกับเรื่องกินกันดีกว่า มาฮอกไกโดทั้งทีของดีๆมันก็ต้องลอง เนื้อเจงกิสข่านเอย ปูเอย ราเมนเอย
นมเอย สุดท้าย เบียร์เอย ฟินจริงๆก็ตรงนี้แหละมาดูอันแรกเลยค่ะนมฮอกไกโดอันเลื่องชื่อน้ำนมจากแม่วัวพันธุ์ดีเลี้ยงในแหล่งอากาศดีๆน้ำนมมีคุณภาพมาก เจ้มจ้นอย่าบอกใครถ้าภาษาบ้านเราจะบอกว่านัวมากค่ะ อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจคือเนื้อเจงกิสข่าน เป็นเนื้อแกะย่างร้อนๆ เห็นแล้วก็นึกถึงหมาทุหมูทะบ้านเราแหละแต่ก็พลาดไม่ได้นะคะมาทั้งทีต้องลองแกะทะบ้านเค้าบ้าง ตบท้ายเบาๆด้วยเบียร์ซับโปโรของขึ้นชื่อของเค้า ฟินกันไปเจอกันใหม่กับจุดเช็คอินสนุกๆรอบหน้านะคะ