เที่ยวหน้าหนาวสุดคูลที่โทโฮคุ Tohoku in Winter

เมื่อลมหนาวมาเยือน หลายคนอาจมองว่าเป็นฤดูกาลแห่งความเหงา โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคนโสดที่กลัวความหนาวกันใช่มั้ยคะ วันนี้รวมสถานที่ท่องเที่ยวหน้าหนาวสุดคูลที่โทโฮคุ (Tohoku) ภูมิภาคที่มีทิวทัศน์งดงามในยามหิมะโปรยปราย ไม่ว่าจะเป็นวิวภูเขา สายน้ำ หรือธรรมชาติโดยรอบ ก็ล้วนสวยงามจนแทบไม่อยากกระพริบตา เอาเป็นว่าจะคนโสดหรือคนมีคู่ ถ้าได้ลองมาเยือนโทโฮคุดูสักครั้ง รับรองจะต้องร้องว้าว!! ขออยู่ต่อนานๆ เลยล่ะค่ะ
1. Oirase Gorge Frozen Waterfall Night Tour

สัมผัสลำธารโออิราเสะ (Oirase Gorge) ช่วงเวลากลางคืนกับไนท์ทัวร์ในฤดูหนาว โดยลำธารโออิราเสะนั้น ไหลออกมาจากทะเลสาบโทวาดะ (Towada) มาบรรจบกับน้ำตกกว่า 10 แห่งและโขดหินรูปร่างต่างๆ รวมเป็นลำธารอันงดงามสุดลงตัว ในฤดูหนาวอากาศหนาวจัด ทำให้น้ำบริเวณน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง หรือที่เรียกว่า “เฮียวบาคุ” ซึ่งดูราวกับว่าเหมือนเวลาหยุดนิ่ง ราวกับเป็นงานศิลปะธรรมชาติชิ้นเอก ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีชื่อเสียงมากและหาดูได้แค่ที่จังหวัดอาโอโมริ (Aomori) เท่านั้น
ในช่วงฤดูหนาวไฮไลท์ของลำธารแห่งนี้ ก็คือ การชมลำธารโออิราเสะในช่วงกลางวันและกลางคืน ซึ่งให้บรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังคงความงดงามของธรรมชาติราวกับหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซี โดยช่วงกลางคืนจะมีการจัดแสดงแสงไฟ Illumination ไฟประดับธารน้ำแข็งและแท่งน้ำแข็งย้อย (กลางเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม) เมื่อแสงไฟตกกระทบลงไปบนน้ำแข็ง บรรยากาศก็ดูน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่สำคัญมีบริการไนท์ทัวร์ในฤดูหนาว โดยมีทัวร์รถบัสชมงานแสดงไฟประดับน้ำแข็งในโออิราเสะเคริว ซึ่งจะเป็นทัวร์ในเวลากลางคืน เที่ยวชมจุดท่องเที่ยวขึ้นชื่อต่างๆ รวม 5 แห่ง พร้อมไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นที่จะอธิบายรายละเอียดให้เราฟังตลอดเส้นทางเลยค่ะ

ที่อยู่ : | Okuse, Towada-shi, Aomori-ken, 034-0301 |
การเดินทาง : | ทัวร์โดยรถบัส เริ่มรับจุดแรกเวลา 18.30 น. ขากลับส่งจุดสุดท้ายเวลา 21.50 น. ทัวร์ฤดูหนาว เปิดระหว่างวันที่ 17 ธันวาคม 2021 ถึงวันที่ 6 มีนาคม 2022 วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ |
จุดขึ้นรถบัส : | Towada City Central, Towada City Museum of Contemporary Art, Oirase Forest Hotel, Oirase Keiryu Onsen, Hoshino Resort Oirase Keiryu Hotel |
ราคา : | ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็กไม่เกินชั้นประถม 1,500 เยน |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://www.towada.travel/en/index |
2. Geibikei

เกบิเค (Geibikei Gorge) หนึ่งในร้อยทัศนียภาพสวยงาม และทรงคุณค่าของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ซึ่งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ ที่นี่เป็นช่องเขาหินสูงกว่า 100 เมตร ขนาบข้างลำน้ำยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ในฤดูหนาวสามารถชมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ของหิมะสีขาวที่ปกคลุมยอดไม้และยอดเขา ย้อมให้รอบตัวเป็นสีขาวดำแบบโมโนโทน สวยราวกับหลุดเข้าไปในดินแดนเทพนิยายเลยล่ะค่ะ
ความพิเศษที่เป็นไฮไลท์ช่วงฤดูหนาว คือ การมาล่องเรือที่เกบิเค ที่มีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นเท่านั้น โดยใช้คนและไม้พายเพียงอันเดียวทั้งขาไปและขากลับ น่าสนุกและตื่นเต้นไปกับประสบการณ์ใหม่ๆ คนพายเรือจะค่อย ๆ พายเรือไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เราได้สัมผัสและผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ โดยใช้เวลาไปกลับประมาณ 90 นาที

ที่จุดเลี้ยวกลับของการล่องเรือ จะมีหินเสี่ยงทายให้ขว้างไปที่ช่องในโขดหิน หากโยนผ่านเข้าไปในช่องนั้นได้ เชื่อว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริง ซึ่งหินเสี่ยงทายจะสลัก อักษรคันจิที่มีความหมายว่า โชคชะตา อายุขัย ความสุข และอื่นๆ รวม 10 ชนิดให้เราได้เลือกกอธิษฐานกัน ใครได้มาแล้วก็อย่าลืมมาเสี่ยงทายกันนะคะ
จุดไฮไลท์ของที่นี่ คือ ฝีพายจะขับกล่อมด้วยเพลงเกบิโออิวาเกะ (Geibi Oiwake) ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านโบราณตั้งแต่สมัยเมจิ ฟังแบบเพลินๆ ซึ่งเสียงร้องจะก้องกังวานในหุบเขา ทั้งไพเราะเป็นเอกลักษณ์ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจและจารึกทัศนียภาพนี้ไปพร้อมกับบทเพลง
ท่ามกลางบรรยากาศการล่องเรือแสนโรแมนติกในฤดูหนาวแล้ว สามารถรับประทานหม้อไฟอันขึ้นชื่อ “คินางาชินาเบะ” บนโต๊ะโคตาสึอุ่นๆในเรือได้ด้วย
ที่อยู่ : | Higashiyamachonagasaga, Ichinoseki-shi, Iwate-ken, 029-0302 |
การเดินทาง : | รถไฟลงที่สถานีเกบิเค แล้วเดินต่อไปประมาณ 5 นาที |
ราคาล่องเรือ : | ผู้ใหญ่ 1,800 เยน |
เวลาทำการ : | 8.30 – 16.00 (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | http://www.geibikei.co.jp/th/index.html |
3. Yokote Kamakura Snow Festival

เทศกาลหิมะโยโคเตะ คามาคุระ เป็น 1 ใน 5 เทศกาลหิมะขนาดใหญ่ในโทโฮคุ ภายในงานจะเต็มไปด้วย คามาคุระ หรือที่คนไทยเรียกว่า กระท่อมหิมะ เทศกาลนี้ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 450 ปี จัดขึ้นในวันที่ 15 และ 16 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่เมืองโยโคเตะ (Yokote) จังหวัดอาคิตะ (Akita) เพื่อสักการะเทพเจ้าแห่งน้ำ ขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ขอให้ค้าขายรุ่งเรืองและให้ครอบครัวปลอดภัยหากได้มาเยือนที่นี่ นอกจากจะได้เข้าไปร่วมสนุกในงานแล้ว ยังได้เก็บภาพกระท่อมหิมะอันแสนน่ารักเป็นที่ระลึกอีกด้วย
จุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของเทศกาลนี้ คือ “กระท่อมหิมะคามาคุระ” (Kamakura) ลักษณะคล้ายกับกระท่อมอิกลู (Igloo) ที่ถูกสร้างเอาไว้ตามที่จุดต่างๆ ทั่วเมือง ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ กว่า 100 กระท่อม โดยบริเวณแม่น้ำโยโคเตะ จะมีการจัดกระท่อมคามาคุระขนาดเล็ก บรรจุแสงเทียนไว้ด้านในทำให้สว่างไสวสวยงามไปทั่วบริเวณ ภายในกระท่อมหิมะจะมีแท่นบูชาเทพแห่งน้ำ เพื่อเป็นการสักการะ และสามารถทานเหล้าสาเกหวาน (Amaeko) และโมจิย่างแก้หนาวภายในกระท่อมได้ด้วย มาลองใช้ชีวิตในกระท่อมราวกับอยู่ในเทพนิยายเมืองหิมะได้ที่นี่เลยค่ะ

พื้นที่จัดงาน เริ่มตั้งแต่สถานีโยโคเตะ เดินชมได้ตลอดทางแม่น้ำโยโคเตะ ไปจนถึงปราสาทโยโคเตะ เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร สามารถขึ้นจุดชมวิวบนปราสาทเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองโดยรอบได้ โดยมีหอคามาคุระคัง เก็บรักษากระท่อมหิมะคามาคุระ ที่เป็นน้ำแข็งไว้ 2 หลังตลอดทั้งปี ในห้องที่มีอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส เพื่อนักท่องเที่ยวจะได้เห็นกระท่อมหิมะของจริงแม้ในช่วงฤดูกาลอื่นก็ตาม
ที่อยู่ : | Yokote City, Akita Prefecture, 013-0023 |
การเดินทาง : | สถานีรถไฟ JR โยโคเตะ ออกทางทิศตะวันออก เดินประมาณ 10 นาที |
เวลาทำการ : | (กระท่อมคามาคุระ) 18.00 – 21.00 น. *มีการจุดไฟข้างในและให้เด็กๆ เข้าร่วม |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://www-yokotekamakura-com.translate.goog/event/3-5/?_x_tr_sl=auto&_x_tr_tl=en&_x_tr_hl=j |
4. Miyagi Zao Fox Village

หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Shiroishi เป็นสวนสัตว์ที่เปิดบริการมานานกว่า 30 ปี โดยรวบรวมสุนัขจิ้งจอกที่หาชมได้ยากในโลกมาไว้ที่นี่ โดยญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งรับใช้เทพจิ้งจอกอินาริ (Inari) ซึ่งชาวบ้านในสมัยโบราณเชื่อว่าเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ของการเกษตร และทำให้กิจการเจริญรุ่งเรือง ทำให้สุนัขจิ้งจอกเป็นเสมือนสัญลักษณ์ในการบูชาเทพอินาริ
โดยจุดเด่นของหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ มีจิ้งจอกเงินหายากและสายพันธุ์อื่นๆ รวม 6 สายพันธุ์ กว่า 100 ตัว ซึ่งได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิสระในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ภายในสวนจะแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ Cage Zone และ Pasture Area ส่วนของ Cage Zone จะเป็นการดูจิ้งจอกประเภทต่างๆ ที่อยู่ในกรง โซนที่ 2 Pasture Area คือเป็นพื้นที่เปิด สามารถให้จิ้งจอกเดินไปมาได้อย่างอิสระภายในรั้วขนาดใหญ่ การที่เราอยู่ท่ามกลางกลุ่มสุนัขจิ้งจอกขมนุ่มๆถือว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยเราสุดๆ เผลอๆ อาจจะถูกฝูงจิ้งจอกรุมจ้องมาที่เราด้วยค่ะ

กฎในการเข้าชมสุนัขจิ้งจอก คือ ห้ามให้อาหารสุนัขจิ้งจอกที่อยู่ในกรงและห้ามให้จากมือโดยตรงค่ะ ต้องให้อาหารในสถานที่ที่กำหนดเท่านั้นค่ะ
เพื่อนๆ สามารถแวะเวียนมาเล่นกับสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ได้ด้วยราคาที่ไม่แพงและยังได้รูปสวยๆกลับไปอีกเพียบแน่นอน โดยเฉพาะการถ่ายรูปสุนัขจิ้งจอกขนนุ่มๆ กับท่าทางต่างๆ ท่ามกลางหิมะสีขาวที่จัดว่าสวยสุดๆ
นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก ที่เพื่อนๆ สามารถซื้อสินค้าออริจินอลของหมู่บ้านจิ้งจอกได้ที่นี่อีกด้วย
ที่อยู่ : | 11-3 Kawarago, Fukuokayatsumiya, Shiroishi-shi, Miyagi Prefecture 989-0733 |
การเดินทาง : | ขึ้นชินคันเซนโทโฮคุ (ยามาบิโกะ) จกโตเกียวมาลงที่สถานี Shiroishizao ต่อแท็กซี่ประมาณ 25 นาที หรือนั่งรถบัสประมาณ 30 นาที |
ค่าเข้าชม : | ผู้ใหญ่ (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 1,000 เยน เด็ก (ต่ำกว่า 12 ปี) ไม่เสียค่าเข้าชม |
ค่าอาหารสัตว์ : | 100 เยนต่อถุง |
เวลาทำการ : | 16 มีนาคม – 30 พฤศจิกายน 9.00 – 17.00 (รอบสุดท้าย16.30) 1 ธันวาคม – 15 มีนาคม 9.00 – 16.00 (รอบสุดท้าย15.30) |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://en.japantravel.com/miyagi/zao-kitsune-mura-fox-village/59970 |
5. Zao Ropeway

พาชมวิวบนเทือกเขาซาโอะ (Mount Zao) ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างจังหวัดยามากาตะ(Yamagata) และจังหวัดมิยางิ (Miyagi) แห่งภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)
ในเทือกเขาซาโอะ เราจะได้ชม “ปีศาจหิมะ” (Snow Monster) ที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เกิดจากการทับถมกันของน้ำแข็งและหิมะบนต้นสน ทำให้เกิดเป็นรูปร่างต่างๆ มากมายคล้ายปีศาจ แล้วแต่การจินตนาการของแต่ละคน ว่าจะมองเห็นเป็นรูปทรงอะไรบ้าง ซึ่งนับว่าเป็นศิลปะทางธรรมชาติที่น่ามหัศจรรย์อีกที่หนึ่ง
สำหรับกระเช้าซาโอะ (Zao ropeway) จะแบ่งเป็น 2 สถานี คือ สถานี Zao Jyuhyoukogen Station กับด้านบนสุด Jizo Sancho Station ยอดเขาซึ่งสูง 1,661 เมตร เมื่อมองจากกระเช้าลอยฟ้าออกมาจะเห็นบรรดาปีศาจหิมะเรียงรายนับไม่ถ้วนจนถึงกับต้องร้อง “ว้าว” ออกมากันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี Juhyo Illusion Corridor Tour นั่งรถตะลุยหิมะ “Night Cruiser” ชมปีศาจหิมะแบบใกล้ชิดภายในรถแบบอุ่นๆ ฟินๆ ให้บริการด้วย

เมื่อมาถึงยอดเขาแล้ว อากาศด้านบนจะมีหิมะตกและลมแรง จนอุณหภูมิติดลบต่ำสุดถึง -10 องศาเลยค่ะ เรียกว่าได้เป็นการเปิดประสบการณ์หนาวสุดขั้วที่ไม่สามารถสัมผัสกันได้ง่ายๆ เลย สำหรับคนขี้หนาวก็สามารถพักอยู่ในบ้านพักอุ่นๆไปพร้อมกับชมบรรยากาศได้อย่างสบายใจนะคะ ใครที่ชมปีศาจหิมะในตอนกลางวันกันแล้ว อย่าลืมมาชมไฟประดับคู่กันในตอนกลางคืนนะคะ รับรองว่าได้บรรยากาศอีกฟีลนึงเลยค่ะ
ค่าใช้จ่าย : | |
>>ค่ากระเช้าลอยฟ้า Zao Ropeway | – สาย Sancho Line : |
จากสถานี Juhyo Kogen ไปยังสถานี Jizo Sancho | |
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) เที่ยวเดียว 1,500 เยน / ไปกลับ 3,000 เยน เด็ก (ชั้นประถม) เที่ยวเดียว 800 เยน / ไปกลับ 1,500 เยน | |
– สาย Sanroku Line : | |
จากสถานี Zao Sanroku ไปยังสถานี Juhyo Kogen | |
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) เที่ยวเดียว 800 เยน / ไปกลับ 1,500 เยน เด็ก (ชั้นประถม) เที่ยวเดียว 400 เยน / ไปกลับ 800 เยน | |
>>ค่ากระเช้าลอยฟ้า Zao Chuo Ropeway | ผู้ใหญ่ เที่ยวเดียว 800 เยน / ไปกลับ 1,300 เยน เด็ก เที่ยวเดียว 400 เยน / ไปกลับ 650 เยน |
เวลาทำการ : | |
>>Zao Ropeway | สาย Sanroku Line 08.30 – 17.00 น. สาย Sancho Line 08.45 – 16.45 น. |
ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการเปิดไฟ light up สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://zaoropeway.co.jp/en/ | |
>>Zao Chuo Ropeway | (21 ธันวาคม – 31 มีนาคม) |
วันธรรมดา 08.15 – 17.00 น. |
การเดินทาง : | จากสถานี Yamagata โดยสารรถบัส Yamako Bus ลงที่ป้าย Zao Onsen ใช้เวลาประมาณ 40 นาที (มีรถบัสให้บริการทุกวัน) |
Location : | https://goo.gl/maps/NhKtMnfQoVDGLPv5A |
6. Ouchi Juku

โออุจิจุกุ (Ouchi juku) เป็นหมู่บ้านโบราณ ที่จังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ในฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยหิมะสีขาวปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ที่นี่มีประวัติยาวนานถึง 400 กว่าปี สร้างขึ้นในยุคสมัยเอโดะ (ประมาณปี ค.ศ.1640) และในปี 1981 หมู่บ้าน Ouchijuku ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ มีตัวบ้านโบราณสไตล์เอโดะ หลังคามุงจากด้วยต้นหญ้า Susugi เรียงรายกันสองฝั่ง ระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 50 หลัง โดยอาคารบ้านเรือนต่างๆ นั้น มีอายุมากกว่า 300 ปี ในช่วงฤดูหนาวนิยมสร้าง โคมหิมะ ไว้หน้าบ้าน เปิดไฟประดับเรียงราย และภายในหมู่บ้านยังเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหิมะ เช่น โคมไฟ, บ้านเอสกิโม, ตุ๊กตา, สไลเดอร์ หรือแม้กระทั่งอาคารขนาดใหญ่
สำหรับคนที่อยากชมวิวจากที่สูงแนะนำให้ขึ้นไปชมจากเนินเขาเล็กๆ ซึ่งจะสามารถมองเห็นบ้านหลังคามุงที่ถูกทับด้วยหิมะเรียงรายอย่างสวยงามได้จากจุดนี้

ภายในหมู่บ้านมีร้านค้ามากมาย ซึ่งสามารถเดินทานเล่นได้ อีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาด ก็คือ “Negi soba” หรือ “โซบะต้นหอม” เมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อของที่นี่ เป็นโซบะที่ใช้ต้นหอมยักษ์คีบเส้นโซบะแทนตะเกียบเวลารับประทาน ซดพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ช่วงหน้าหนาวให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในยุคโบราณ และในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ที่หมู่บ้านโออุจิจุกุ จะมีการจัดเทศกาลหิมะขึ้น ในยามค่ำคืนจะพบเห็นแสงเทียนและแสงไฟจากการจัดแสดงไลท์อัพทั่วทั้งหมู่บ้าน ช่วยสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกให้กับผู้ที่มาเยือน
ที่อยู่ : | Yamamoto, Ouchi, Shimogo, Minamiaizu, Fukushima 969-5207 |
การเดินทาง : | จาก Tokyo นั่ง Shinkansen Tohoku ไปลงที่สถานี Koriyama จากนั้นนั่งรถไฟสาย JR Ban-etsu-Saisen ไปลงที่สถานี Aizu-wakamatsu และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานีปลายทาง Yunokami Onsen แล้วนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือเดินประมาณ 25 นาที ไปยังหมู่บ้านโออุจิจูคุ |
เวลาทำการ : | 09.00 – 16.00 น. (ร้านค้าจะทยอยปิดตั้งแต่ 16.00 น.) |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://bit.ly/32uuLag |
7. Echigo Yuzawa Ski Resorts – Naeba Ski Resort

เอจิโกะ ยูซาวะ (Echigo Yuzawa) เป็นศูนย์กลางที่ตั้งของสกีรีสอร์ท และสโนว์บอร์ดรีสอร์ทกว่า 12 แห่ง เป็นย่านหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นดินแดนที่สามารถสนุกสุดมันส์ไปกับกีฬาดูหนาวได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากย่านนี้มาพร้อมหิมะคุณภาพดี และเดินทางง่ายอยู่ห่างจากโตเกียวเพียงแค่ 90 นาทีเท่านั้น และยังเป็นพื้นที่รีสอร์ทน้ำพุร้อนชื่อดังอีกด้วย

นาเอะบะ สกีรีสอร์ท (Naeba Ski Resort) เป็นที่ตั้งของโรงแรม Naeba Prince Hotel เป็นสกีรีสอร์ทหลักๆ ที่มีชื่อเสียงประจำยูซาวะ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น จากชื่อเสียงที่เป็นลานสกีระดับนานาชาติ และเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน 2016 Alpine Skiing World Cup มีเส้นทางสกีหลากหลายระดับที่ตอบโจทย์ทั้งนักสกีมือใหม่ ระดับกลาง และระดับสูง ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลดนตรีอันโด่งดังระดับสากลอย่างงาน ฟูจิร็อค (Fuji Rock) มีกระเช้าลอยฟ้า Naeba Dragondora ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งยาวถึง 5,481 เมตร ให้บริการด้วย
เพื่อนๆ สามารถชมสุดยอดทัศนียภาพหิมะสุดอลังการได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมี Naeba Prince Hotel ที่อยู่ติดกับลานสกีซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย อาทิ ร้านอาหาร, บ่อน้ำพุร้อน, ร้านขายของฝาก, ร้านขายอุปกรณ์กีฬา, ศูนย์สกีในร่มสำหรับเด็ก เต็มเปี่ยมไปด้วยกิจกรรมสุดสนุกที่สามารถเข้าร่วมได้ทุกเพศทุกวัยซึ่งกระจายอยู่ทั่วบริเวณพื้นที่ Yuzawa ให้ทุกคนได้มาสัมผัสกัน
ที่ตั้ง : | 949-6212 Mikuni, Yuzawa Town, Minami Uonuma, Niigata |
การเดินทาง : | นั่งรถไฟโจเอ็ทสึ ชินคันเซน ไปยังสถานีเอจิโกะ ยูซาวะ จากนั้นนั่งรถรับส่งอีก 50 นาที |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://www.princehotels.com/en/ski/naeba/index.html |
8. Sendai Morning Market

ตลาดเช้าเซนได หรือที่เรียกกันว่า ตลาดเช้าอะไซชิ (Asaichi Morning Market) เป็นตลาดขนาดเล็กของเมืองเซนได (Sendai) แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก เป็นศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นมากมาย ความยาวประมาณ 100 เมตร ตลาดแห่งนี้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1945 จากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่นำของมาขาย ต่อมาในปี ค.ศ.1985 มีการก่อตั้งสหพันธ์ของตลาดเพื่อทำการจัดการให้มีระเบียบมากยิ่งขึ้น และในปี ค.ศ.1992 ได้มีการก่อตั้งสหพันธ์ส่งเสริมตลาดเช้าเซนไดอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างระบบการจัดการตลาดให้มีมาตรฐานที่ดี จนได้ชื่อว่า “เซนได โนะ ไดโดะโกโระ” (Sendai no Daidokoro) หมายถึง “ครัวของเซนได” จากการเป็นแหล่งรวมสินค้าประเภทการเกษตรและปลาสดใหม่ที่มีความหลากหลายมากที่สุดของเมืองเซนได

สินค้าแนะนำในตลาดเช้าอะไซชิ เมืองเซนได ก็คือ ซาซิมิปลาทูน่าครีบน้ำเงินจากแหล่งน้ำธรรมชาติ และปลาไหล จากเมืองชิโอะงะมะ (Shiogama), เชอร์รี่จากจังหวัดยามากาตะ ขึ้นชื่อว่ารสชาติดีที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีพวกปลาท้องถิ่นต่างๆ และสินค้าจากทะเลตามฤดูกาลอีกด้วย
หากมาในฤดูหนาวนี้ ขอแนะนำให้ทานหอยนางรมสด ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของจังหวัดมิยางิ, สตรอว์เบอร์รี่เซนไดสุดหวานฉ่ำ, ผักเซริ ผักพื้นบ้านของญี่ปุ่น ใครที่เป็นสายตามล่าของอร่อยต้องมาโดนจริงๆ ค่ะ ของบางอย่างหาทานได้ที่เมืองเซนไดเท่านั้น
การเดินทาง : | จากสถานีรถไฟเซนได (JR Sendai station) ทางออกด้านทิศตะวันตก เดินข้ามทางเดินยกระดับไปยังอาคาร E Beans โดยตลาดเช้าอะไซชิตั้งอยู่ด้านหลังของอาคาร E Beans |
เวลาทำการ : | 8.00 – 18.00 (หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดราชการ) |
ข้อมูลเพิ่มเติม : | https://www.sentabi.jp/guidebook/attractions/48/ |