รวมซากุระแสนหวานสุดประทับใจในโทโฮคุ
Spring in Tohoku

เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูแสนหวาน จากกลีบดอกซากุระ โดยเฉพาะในโซนภูมิภาคโทโฮคุ ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามแล้ว ยังมีความพิเศษของการมาชมซากุระด้วย นั่นก็คือ เราจะได้เห็นดอกซากุระสีชมพูพร้อมกับฉากหลังที่เป็นภูเขาหิมะสีขาวโพลน ตัดกับสีท้องฟ้าสวยงามไปพร้อมกัน เป็นภาพความหวานแสนประทับใจ ถ่ายภาพเก๋ๆ ได้แบบไม่ซ้ำมุมกันเลย แถมดอกซากุระยังมีให้ชมหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นซากุระพันธุ์โซเมโยชิโนะ (Someiyoshino) ที่มีสีชมพูอ่อนๆ หรือจะเป็นพันธุ์ชิดาเระซากุระ (Shidarezakura) ที่มีสีชมพูเข้ม โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมซากุระในโซนโทโฮคุ คือ ช่วงต้นเดือนเมษายน จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม  

รีวิวนี้ได้รวมจุดชมซากุระแสนสวย 8 สถานที่ใน 7 จังหวัด ของภูมิภาคโทโฮคุ มาไว้ให้ตามรอยกันด้วย มีสถานที่ไหนบ้างนั้นไปชมกันเลยค่ะ 


1. Ashino Park (จังหวัด Aomori)

สวนอะชิโนะ (Ashino Park) เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ชมดอกซากุระบานที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น เพราะเป็นสวนสาธารณะที่ซากุระสวย ติดอันดับใน 100 จุด ชมซากุระของญี่ปุ่นอีกด้วย ใครมาเที่ยวอาโอโมริ (Aomori) ห้ามพลาดเลยทีเดียวค่ะ ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศดอกซากุระสีชมพู อบอวลไปด้วยความโรแมนติก เป็นสวนกว้างครอบคลุมพื้นที่ราวๆ 80 เฮกเตอร์ (800,000 ตร.ม.) ล้อมรอบทะเลสาบอาชิโนะ (Lake Ashino) มีซากุระราว 2,200 ต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ Somei Yoshino และ Satozakura รับรองว่าเพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูปในทุกมุมของสวนอะชิโนะ ที่เต็มไปด้วยสีชมพูสวยงามทั่วบริเวณ เป็นใครก็อดใจไว้ไม่อยู่อยากเอาชุดมาเปลี่ยนใส่ถ่ายรูปสัก 10 ชุดเลยล่ะค่ะ 

จุดเด่นของสวนอะชิโนะ (Ashino Park) คือ มีรางของรถไฟสาย Tsugaru Railway ผ่านสวน เวลารถไฟวิ่งลอดอุโมงค์จะมีต้นซากุระที่เรียงรายเลียบสองข้างทางรถไฟ เป็นภาพที่ประทับใจจริงๆ นอกจากจะมีความสุขไปกับการชมความงดงามของซากุระแล้ว ยังตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้นไปกับวิวสองข้างทางที่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดน ที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีชมพูราวกับความฝัน   

นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินเลียบฝั่งทะเลสาบ ที่สามารถเดินเก็บภาพอันสวยงามของดอกซากุระกว่า 1,500 ต้น เดินชิลๆ พักมองวิวธรรมชาติพร้อมกับมีสายลมเย็นๆ พัดมาให้ชื่นใจเป็นระยะ ก็คงต้องบอกว่าให้คะแนนเต็มสิบไม่มีหักเลยล่ะค่ะ ยิ่งในช่วงซากุระบานเต็มที่จะมีการจัดเทศกาลซากุระในสวนอะชิโนะ ซึ่งจะตรงกับช่วงโกลเด้นวีคซึ่งเป็นวันหยุดในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมของญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่มีความพิเศษมากขึ้นกว่าที่อื่นๆ เลยค่ะ

ที่ตั้ง :84-170 Ashino, Kanagi-cho, Goshogawara-shi, Aomori
การเดินทาง :สามารถนั่งรถไฟสาย Tsugaru Railway มาลงที่สถานี Ashino-koen แล้วเดินเท้าต่ออีกเล็กน้อยค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :http://www.city.goshogawara.lg.jp/tourism/th/view/ashinokouen.html

2. Kitakami Tenshochi Park (จังหวัด Iwate)

คิตะคามิ เทนโชจิ (Kitakami Tenshochi Park) เป็นสวนที่อยู่ริมแม่น้ำคิตะคามิ (Kitakami River) ตั้งอยู่ที่เมืองคิตะคามิ (Kitakami) ของจังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ในภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ที่นี่ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนสักครั้งจะประทับใจไม่รู้ลืม เนื่องจากเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมติด 1 ใน 100 อันดับของญี่ปุ่น โดยมีต้นซากุระกว่า 10,000 ต้น และโน้มกิ่งเป็นอุโมงค์ซากุระเรียงรายไปตามทางเดินริมแม่น้ำ สร้างบรรยากาศโรแมนติกยาวกว่า 2 กิโลเมตร ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสีชมพูสวยงาม มีต้นซากุระสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 150 ชนิด ดูไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

ไฮไลท์ห้ามพลาด คือ ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระ ประมาณเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม ที่สวนแห่งนี้จะมีการจัดงานเทศกาลชมซากุระ คิตะคามิ เทนโชจิ (Kitakami Tenshochi Sakura Festival) เป็นประจำทุกปี โดยจะมีทั้งการออกร้าน บริการล่องเรือชมซากุระในแม่น้ำ และกิจกรรมที่เป็นที่นิยมมากเลยก็คือ บริการให้นั่งรถม้าลอดอุโมงค์ชมซากุระ และในยามค่ำคืนมีไฟประดับ (Light-up) สร้างสีสันกลางดงดอกซากุระ รวมทั้งการประดับธงปลาคาร์ฟเพื่อฉลองวันเด็กของญี่ปุ่น ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคมอีกด้วยค่ะ

ที่อยู่ :Tachibana, Kitakami, Iwate
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ :ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบาน คือ ต้นเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม)
การเดินทาง :เดินประมาณ 20 นาทีจากสถานี JR Kitakami หรือ Taxi ประมาณ 10 นาที
หรือนั่งรถเมล์จากสถานี JR Kitakami มาลงที่ป้าย Tenshochi เดินต่อประมาณ 10 นาที
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  :https://www.tohokukanko.jp/zh_th/attractions/detail_1724.html

3. Hitome Senbonzakura & Funaoka Joshi Park / Funaoka Castle Ruin Park

(จังหวัด Miyagi)

เครดิตรูป : Miyagi Prefecture Tourism Promotion Promotion Office

สวนปราสาทเก่าฟุนะโอกะ (Funaoka Joshi Park / Funaoka Castle Ruin Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่อยู่บนเนินเขาสูงพอประมาณ เป็นสถานที่ชมซากุระยอดนิยมอีกแห่งของเมืองชิบะตะ (Shibata) ใกล้กับเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ โดยสวนแห่งนี้จะตั้งอยู่บนเนินเขาสูงที่เต็มไปด้วยต้นซากุระ และดอกไม้ชนิดอื่นๆ สามารถเดินขึ้นไปชมวิวช่วงซากุระบานได้อย่างจุใจ มีจุดต่างๆ ให้เราพักผ่อนนั่งมองความสวยงามจากบนเนินเขานี้ได้แบบเพลินๆ Funaoka Joshi Park ยังเป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลชมดอกซากุระ” (Sakura Matsuri) ในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งสามารถเดินชิมอาหารท้องถิ่นจากร้านที่มาออกบูธได้อีกด้วย

สำหรับจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์เลย ก็คือ รถรางสโลปคาร์ (Slope Car) ทรงสุดคลาสสิค ที่หลายคนต่างไปต่อคิวขึ้นกันเป็นจำนวนมาก Slope Car วิ่งระหว่างช่วงกลางเขา ไปยังบริเวณยอดเขา ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิม สูงถึง 24 เมตร สามารถไปสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ และมีจุดชมวิวเมืองที่สวยงาม เมื่อมองจากมุมสูงบนเนินเขาลงมาจะเห็นบริเวณ Hitome Senbonzakura ที่เต็มไปด้วยสีสันของต้นซากุระเรียงรายริมแม่น้ำชิโรอิชิ และความสวยงามของวิวเมืองได้อย่างลงตัว 

นอกจากนั้น Funaoka Joshi Park ยังมีมุมยอดฮิตแบบสุดๆ ด้วยนะคะ นั่นคือ อุโมงค์ดอกซากุระ ในตอนที่รถราง (Slope Car) กำลังแล่นช้าๆ ผ่านอุโมงค์ดอกซากุระสีชมพูสะพรั่งแบบประชิดตัว ตอนนั้นเชื่อว่าหลายคนก็คงจะต้องรัวชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้ง เพราะว่าตื่นเต้นกับการได้ใกล้ชิดซากุระที่สวยงาม ได้มองเห็นแบบเต็มตาไปตลอดสองข้างทาง ที่มีความยาวประมาณ 305 เมตร ใครเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แนะนำว่าไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้เป็นอย่างยิ่งค่ะ รถรางมีทั้งไป – กลับ หรือจะขึ้นรถรางเพียงขาเดียว แล้วเดินชมซากุระลงมาจากเนินเขาแบบเพลินๆ ก็ย่อมได้ ค่าบริการเที่ยวละ 250 เยน (ไป-กลับ 500 เยน) 

เครดิตรูป : Miyagi Prefecture Tourism Promotion Promotion Office
ที่ตั้ง :95-1 Oaza Funaoka Tateyama, Shibata-cho, Shibata-gun, Miyagi Prefecture
ค่าเข้าชม :ฟรี
เวลาทำการ  :ตลอดปี (ฤดูซากุระบาน ช่วงต้นเดือนเมษายน – กลางเมษายน)
การเดินทาง :เดินเท้าประมาณ 15 นาที จากสถานี Ogawara หรือสถานี Funaoka
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :http://www.hitome-senbonzakura.com/

4. Eboshiyama Park (จังหวัด Yamagata)

สวนเอโบชิยามะ (Eboshiyama Park) เป็นสถานที่ชมดอกซากุระอันดับ 1 ของจังหวัดยามากะตะ ตั้งอยู่ที่เมืองนันโย (Nanyo) ไม่ไกลจากอาคายุออนเซ็น (Akayu Onsen) เพื่อนๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับดอกซากุระที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิ ถ้าใครได้มาสัมผัสซากุระสวยๆ ของสวนเอโบชิยามะนั้น จะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดเยี่ยมจริงๆ สามารถเห็นทัศนียภาพอันน่าทึ่งของดอกซากุระและเมืองน้ำพุร้อนอันงดงามได้ที่นี่ค่ะ

ที่นี่ถูกเรียกว่า “Eboshiyama Thousand Sakura” เพราะมีต้นซากุระประมาณ 1,000 ต้น ร่วม 25 สายพันธุ์ เช่น เอโดะฮิกังซากุระที่ต้นใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น บานสะพรั่งที่สวนสาธารณะ ภายในสวนยังมีศาลเจ้า Eboshiyama Hachimangu ที่ศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวและความปลอดภัยในการเดินทาง มีเสาประตูโทริอิ Ishitzukuri Otorii ที่สร้างด้วยหินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

โดยมีไฮไลท์ห้ามพลาด คือ ต้นซากุระพันธุ์ Edohigan ที่หาชมได้ยาก และยังมีซากุระพันธุ์โยชิโนะที่มีอายุมากกว่า 120 ปี และยังได้รับเลือกให้เป็น 100 สถานที่ ชมซากุระขึ้นชื่อของญี่ปุ่นอีกด้วย ช่วงกลางคืนจะมีการเปิดไฟ light up เวลา 18:00-22:00 น. มาถ่ายรูปกันเพลินๆ ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน สวนแห่งนี้ยังอยู่ติดกับ Akayu Onsen ว่ากันว่าคุณสมบัติของน้ำพุร้อนที่นี่ ช่วยเยียวยาแผลโดนบาด แผลน้ำร้อนลวก และอาการปวดตามเส้นประสาทได้ดีทีเดียว 

 

ที่ตั้ง :1415 Akayu, Nanyo-shi, Yamagata
ค่าเข้าชม :ฟรี
เวลาทำการ  :ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบาน คือ กลางเดือนเมษายน – ปลายเมษายน)
การเดินทาง :สามารถนั่ง Taxi จากสถานี Akayu ประมาณ 5 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :https://yamagatakanko.com/th/attractions/detail_7511.html

5. Miharu Takizakura (จังหวัด Fukushima)

มิฮารุ ทากิซากุระ (Miharu Takizakura) ก็คือ ต้นทากิซากุระ ของเมืองมิฮารุ ที่ถือได้ว่าเป็นต้นซากุระที่มีความเก่าแก่โด่งดังและเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามที่สุดของจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) คาดว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปี เป็น 1 ใน 3 ของต้นซากุระที่มีความสำคัญของญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ โดยต้นทากิซากุระเป็นหนึ่งในสายพันธ์ของซากุระที่หายาก ตั้งโดดเด่นอยู่กลางสนามเพียงต้นเดียวเท่านั้น สามารถเดินชมได้แบบ 360 องศา จนทำให้ต้นซากุระที่นี่กลายเป็นแลนด์มาร์กที่ต้องปักหมุด มาให้ได้สักครั้งของจังหวัดฟุกุชิมะค่ะ

คำว่า “ทากิซากุระ หรือ Taki-zakura” แปลได้ว่า “น้ำตกของต้นซากุระ” เพราะมีลักษณะการเรียงตัวของกิ่งที่กระจายออกไป ทำให้ดอกซากุระมองดูราวกับเป็นสายน้ำตก อีกทั้งซากุระต้นนี้ยังสูงถึง 13.5 เมตร และแผ่กิ่งก้านไปรอบๆ กว่า  20 เมตร ทำให้กิ่งซากุระห้อยระย้าลงมาราวกับว่าเป็นน้ำตกซากุระนั่นเอง

ช่วงที่สวยพีคที่สุดของ มิฮารุทากิซากุระ ก็คือ ช่วงกลางเดือนเมษายน เพราะความที่เป็นน้ำตกซากุระอันงดงามเกินบรรยาย ทำให้ทุกคนที่ได้มาชมนั้น ต่างทึ่งในความงามจนไม่อยากจะละสายตาได้ และในตอนกลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับ Light up ให้กับต้นซากุระด้วย ถ้าไม่อยากพลาดซากุระที่หายากเก่าแก่ แถมยังสวยงามมากขนาดนี้แล้วล่ะก็ ควรหาโอกาสมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิตนะคะ

ที่ตั้ง :Sakurakubo, Oaza Taki, Miharu-cho, Tamura-gun, Fukushima Prefecture
ค่าเข้า :ฟรี (ค่าชมซากุระ 300 เยน)
เวลาทำการ  :เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ฤดูซากุระบาน ต้น – กลางเดือน เม.ย.)
การเดินทาง : จากสถานี JR มิฮารุ (JR Miharu Station) สายบันเอทสึโท (Ban-etsu East Line)
นั่ง Shuttle Bus ต่อไปยัง Takizakura ราคา 300 เยน หรือ นั่งแท็กซี่ประมาณ 20 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ : https://bit.ly/3qxxclW 

6. Uwasekigata Park (จังหวัด Niigata)

เครดิตรูป : Niigata Visitors & Convention Bureau

Uwasekigata คือ สวนสาธารณะที่มีพื้นที่โล่งกว้าง ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคาคุดะ (Mt. Kakuda) ในจังหวัด Niigata โดยมีทางเดินรอบสวนสาธารณะ เป็นระยะทางยาวถึง 2 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเพลิดเพลินไปกับซากุระสีชมพูสดใส และทุ่งดอกไม้อันสวยงามที่พร้อมใจกันเบ่งบานอวดโฉมในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 

จุดเด่นของสวน Uwasekigata นั้น นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวาง พร้อมอากาศดีๆ แล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สามารถมาชมดอกซากุระสีชมพูสะพรั่งไปทั่วบริเวณ พร้อมกับดอกนาโนะฮานะ (Nanohana) สีเหลืองสดใสที่กำลังเบ่งบาน ชมช่วงเวลาของนาโนะฮานะสีเหลืองตัดกับซากุระสีชมพูอันสวยงาม พร้อมกับสัมผัสบรรยากาศริมทะเลสาบแสนสบายได้ที่นี่ ส่วนฤดูอื่นๆ นั้นจะมีดอกทิวลิป ดอกคอสมอส และอื่นๆ อีกมากมายให้ชมแบบไม่ซ้ำกันเลยทีเดียว ซึ่งสามารถมาปิกนิก หรือเดินชมตอกไม้นานาพันธุ์ได้ทุกฤดูกาลโดยไม่มีเบื่อ

สวนสาธารณะแห่งนี้ ยังเป็นสถานที่สำหรับวันพักผ่อนกับครอบครัว ปิกนิก และเดินป่า ใช้เวลามาเพลิดเพลินกับดอกไม้ตามฤดูกาล ภายในสวนยังมีทะเลสาบ กับพื้นที่กว้างสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น บาร์บีคิว มีสนามเด็กเล่น สไลเดอร์ เชือกทาร์ซาน และสนามแข่งรถให้บริการ รวมถึงมี log house ให้พักผ่อนหย่อนใจ ในสวนสาธารณะยังมีบ้านพัก (กระท่อมไม้ซุง) ตลอดจนเส้นทางเดิน 2 กิโลเมตร ทางเดินริมทะเล ทะเลสาบขนาด 11 เฮกตาร์ และสนามหญ้าสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ นับว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงฝูงชนมาใช้เวลากับครอบครัว ณ สวนแห่งนี้ค่ะ

เครดิตรูป : Niigata Visitors & Convention Bureau
ที่ตั้ง : 11 Matsunoo, Nishikan-ku, Niigata Prefecture
ค่าเข้าชม : ฟรี
เวลาทำการ  :เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทาง :ขับรถประมาณ 20 นาที จาก  Maki-Katahigashi IC สาย Hokuriku Expressway
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :https://niigata-kankou.or.jp/spot/10573 

7. Kakunodate Samurai District

(จังหวัด Akita)

มาสัมผัสเมืองคะคุโนะดาเตะ (Kakunodate) เมืองที่มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการอนุรักษ์บ้านโบราณอายุกว่า 300 ปี ของซามูไรในอดีตเอาไว้ ในจังหวัดอาคิตะ (Akita) ในหมู่บ้านมีบ้านพักอาศัยอยู่ประมาณ 80 หลังคาเรือน เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมซามูไรแบบดั้งเดิมอันเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมีบ้านเพียง 6 หลัง ที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมภายในบ้าน อาทิ บ้านซามูไรโอดาโนะ, บ้านซามูไรคาวาราดะ, บ้านซามูไรอิวาฮาชิ, บ้านซามูไรมัตสึโมโตะ, พิพิธภัณฑ์โอมูระ, พิพิธภัณฑ์เดนโชคัง และยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองคะคุโนะดาเตะ ในชื่อ “หมู่บ้านซามูไร (Samurai District)” และเมืองแห่งนี้ยังได้รับฉายาว่าเป็น “Little Kyoto” ของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อีกด้วย 

โดยถนนสองข้างทางจะเต็มไปด้วยบ้านของตระกูลซามูไร ที่เป็นตระกูลใหญ่ๆ เมื่อในอดีต บริเวณริมรั้วในย่านหมู่บ้านซามูไร มีการปลูกต้นไม้ต่างๆ รวมถึงต้นซากุระพันธ์ุห้อยระย้า (Shidare Zakura) ที่สวยงามเรียงรายสองข้างถนนกว่า 400 ต้น บางต้นเก่าแก่ราว 300 ปี พร้อมกับบ้านเรือนโบราณ ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ที่บริเวณริมแม่น้ำฮิโนะคิไน (Hinokinai River) ที่อยู่ใกล้กันกับหมู่บ้านซามูไร ก็ยังมีการปลูกต้นซากุระพันธุ์โซเม โยชิโนะ (Somei Yoshino) ไว้ถึง 400 ต้น โดยเรียงเป็นทางยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเช่นกัน 

ความสวยงามของซากุระในย่านนี้ จะผลิบานในช่วงปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม จึงนับเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นค่ะ และมีบริการเช่าชุดกิโมโน ใส่มาเดินเล่นชมซากุระแบบสาวญี่ปุ่น หรือจะนั่งรถลาก (Jinrikisha) ให้เข้ากับบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิก็ประทับใจแบบสุดๆ ไปเลยค่ะ

ที่ตั้ง :Kakunodatemachi Omotesando-Higashi Katsurakucho, Semboku City, Akita Prefecture
ค่าเข้าชม :ฟรี (หากไม่ได้เข้าชมภายในบ้านซามูไร)
เปิดบริการ :ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบานคือ ปลายเดือนเมษายน – ต้นพฤษภาคม)
การเดินทาง :เดินจากสถานี JR Kakunodate 20 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :https://www.tohokukanko.jp/attractions/detail_1203.html

8. Mikamine Park (เมือง Sendai)

เครดิตรูป : Miyagi Prefecture Tourism Promotion Promotion Office

สวนมิคามิเนะ (Mikamine Park) เป็นจุดชมซากุระที่สวยงามขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุ และตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเซนได (Sendai) ที่บอกว่าสวนแห่งนี้สวยงาม ก็เพราะว่าเต็มไปด้วยต้นซากุระบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ ไม่ว่าจะมองไปทางมุมไหนก็รู้สึกฟินไปหมดเลยค่ะ 

ไฮไลท์ของสวนมิคามิเนะ ก็คือ ซากุระพันธุ์โซเม โยชิโนะ (Somei Yoshino) ซึ่งเป็นซากุระดอกสีชมพูอ่อนไปจนถึงเกือบขาว กับซากุระพันธุ์กิ่งย้อย (Shidare zakura) ที่ครอบคลุมบริเวณสวนเต็มไปหมด กว่า 750 ต้น ทำให้ฤดูใบไม้ผลิหลายคนจะไม่พลาดการมาเที่ยวชมซากุระที่สวนแห่งนี้กันค่ะ

สวนแห่งนี้ เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางมาก จึงเหมาะกับการพาคู่รัก ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน มาชมความสวยงามกันได้ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะแบบครอบครัว เพราะสามารถจับจองที่นั่งชมได้แบบไม่ต้องแย่งกัน สามารถปูเสื่อนั่งปิกนิกท่ามกลางต้นซากุระสวยๆ อากาศเย็นสบาย พร้อมทานอาหารได้ด้วย โดยสวนมิคามิเนะนั้น มีชื่อเสียงมากทำให้เมื่อถึงช่วงซากุระ จะมีชาวญี่ปุ่นต่างพาครอบครัวมาที่นี่ และนั่งชมกันแบบยาวนานครึ่งวันกันเลยทีเดียวค่ะ

เครดิตรูป : Miyagi Prefecture Tourism Promotion Promotion Office
ที่ตั้ง :1 Mikamine, Taihaku-ku, Sendai City, Miyagi Prefecture
ค่าเข้าชม :ฟรี 
เปิดบริการ :ตลอดทั้งปี (ฤดูซากุระบาน คือ กลางเดือนเมษายน – ต้นพฤษภาคม)
การเดินทาง :ลงจากสถานี Nagamachi Minami แล้วเดินเท้าต่อประมาณ 30 นาที หรือนั่งรถบัสลงที่ Nishitaga 1-chome West
/ Mikamine Park Entrance แล้วเดินเท้าต่ออีก 3 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :https://www.city.sendai.jp/ryokuchihozen/mesho100sen/ichiran/066.html