เพื่อนๆ คิดว่าโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก เมพที่สุดในโลก ในปี 2015 ตั้งอยู่ที่ไหนคะ
แล้วคิดว่าโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกนี้ เมพที่สุดในโลกนี้ หน้าตามันเป็นแบบไหน
ทำไมถึงได้ครอบครองแชมป์เป็นอันดับหนึ่งของโลกได้
และโชคดีมากเลยค่ะ หญิงปุ๊กเคยได้มีโอกาสไปพักที่โรงแรงแห่งนี้แล้ว เมื่อวันแม่ ปี 2013 จ้ะ
ทำให้มีภาพความสวยงาม และประสบการณ์ที่น่าประทับใจ มาฝากให้ทุกท่านได้ชมกันค่า
รางวัลนี้เกิดจาก เว็บไซด์ TripAdvisor ได้ทำการจัดอันดับโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก
โดยวัดจากการโหวตของนักท่องเที่ยวนับล้านคนทั่วโลก
ในปี 2015 โรงแรมที่ได้อันดับหนึ่งงงงงงงงงง ได้แก่ แตน ตะตะแต้นแตนแต่น แต่นแตนแต้น
โรงแรม Gili Lankanfushi มัลดีฟส์ เย้…. วี๊ดดดดวิ่วววววว จุดพลุร้อยดอก บึ้มๆๆๆ
ชื่อรางวัลอย่างเป็นทางการจ้า 2015 TripAdvisor Travelers’ Choice Awards™ —– No. 1 – Top 25 Hotels in the World
นอกจากนี้ก็ยังได้รับรางวัลอื่นๆ พ่วงด้วย ได้แก่
No. 1 – Top 25 Hotels in Asia
No. 1 – Top 25 Hotels in Maldives
No. 4 – Top 25 Luxury Hotels in the World
No. 3 – Top 25 Luxury Hotels in Asia
No. 1 – Top 10 Luxury Hotels in Maldives
No. 16 – Top 25 Top 25 Hotel for Best Service in Asia
No. 2 – Top 10 Hotel for Best Service in Maldives
No. 13 – Top 25 Hotels for Romance in Asia
No. 2 – Top 10 Hotels for Romance in Maldives
โอ้โห.. แค่ลิสรายการรางวัลที่ได้รับ ก็ขนลุกซู่แล้วใช่ไหมคะ
สงสัยใช่ไหมคะ ว่าที่นี่ดียังไง ทำไมถึงได้คว้าตำแหน่งดีที่สุดในโลกมาครอบครอง
เรียนเชิญทุกท่านเกาะกระทู้ ติดตามชมกันได้เลยค่า
เช็คราคาค่าที่พักที่แน่นอนได้ที่เว็บของโรงแรมเลยจ้ะ
http://www.gili-lankanfushi.com/maldives-luxury-resorts/book-now-booking-maldives/
ค่าใช้จ่ายหลักๆ จะมีค่าที่พัก ห้องแบบ Crusoe Residence ประมาณ $2,500 รวมมื้อเช้า
ค่าอาหาร มื้อเช้าคนละ $59 (ถ้าไม่รวมอยู่ในค่าห้อง) มื้อเที่ยง $71 มื้อเย็น $106
และค่าเรือสปีดโบ๊ทไปกลับ คนละ $200
ราคาทั้งหมดรวมค่าบริการและภาษีแล้ว
ข้อมูลโดยสังเขป โรงแรม Gili Lankanfushi เป็นโรงแรมในฝัน เป็นสวรรค์กลางทะเล ตั้งอยู่ที่มัลดีฟส์ ธีมของที่นี่ คือ หรู แต่เรียบง่าย บ้านพักทุกหลังของที่นี่ตั้งอยู่กลางทะเล สามารถเดินลงจากบันไดหน้าบ้านพักลงไปสัมผัสกับน้ำทะเลใสแจ๋ว และแหวกว่ายอยู่กับฝูงปลา พร้อมๆ กับชมปะการังที่อยู่รอบๆ บ้านพักได้เลย เลิศมากค่า ด้านการตกแต่งภายในตัววิลล่าเอง ก็สวยงาม เน้นธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อม และให้ความรู้สึกผ่อนคลายค่ะ บริเวณหาดชาดสะอาด สวยงาม เรื่องอาหารก็อร่อยมาก นอกจากนี้การให้บริการก็ดีเลิศ ประทับใจสุดๆ ให้คะแนนเต็มเลยจ้า ไม่รู้จะติอะไร 555 ขอชื่นชม และรู้สึกโชคดี ดีใจที่ได้ไปเยือนครั้งนึงในชีวิตจ้า
โรงแรม Gili Lankanfushi ค่า
หลังจากหญิงปุ๊กขึ้นเครื่องบินน้ำกลับมายังสนามบินมัลดีฟส์
ก็ได้พบกับพนักงานจากโรงแรม Gili Lankanfushi มาคอยต้อนรับ และเข็นกระเป๋าไปขึ้นสปี๊ดโบ๊ทให้จ้า
เรารอแขกท่านอื่นๆ กันสักครู่นึง เมื่อครบทีมแล้ว ก็เดินไปลงเรือที่จอดรออยู่
เรือสปีดโบ๊ท ลักษณะภายนอกเป็นสีขาว ตัดกับน้ำทะเลสีเขียว ดูสวยมากเลยค่ะ
ส่วนภายในก็สวยงาม สะอาด ตกแต่งด้วยเบาะและมีหมอนอิงสีเขียวไว้ให้เอนหลัง
เมื่อเรือแล่นสู่ท้องทะเล เจ้าหน้าที่ก็อธิบายเรื่องความปลอดภัย ให้ใส่เสื้อชูชีพ ที่ดูไม่ค่อยเหมือนเสื้อชูชีพเท่าไหร่ 555
ลักษณะคล้ายๆ หมอนรองคอ แต่ยาวถึงเอว ห้อยต่องแต่ง ใส่คล้องคอไว้
หญิงปุ๊กแอบคิดในใจว่า ดูเหมือนไม่น่าจะรับน้ำหนักเราไหวเลยนะ แต่นั่นแหละ ระดับนี้ ปลอดภัยแน่นอน
หลังจากนั้น เค้าก็แจกน้ำดื่ม แล้วก็แจกถุงยังชีพ 555 เอ้ย ถุงวิเศษให้ค่ะ
มีข้อความพิเศษเขียนไว้ว่า No News No Shoes แปลว่า ไม่มีข่าว ไม่ใส่รองเท้า เค้าสนับสนุนให้เราเอ็นจอย ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติในโรงแรมอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เราเสพข่าวสารจากโลกภายนอก
แล้วก็ไม่อยากให้ใส่รองเท้าด้วย เพราะเราสามารถเดินเท้าเปล่าไปได้ทั่วทุกที่ในโรงแรม เหมือนกับเดินเล่นอยู่ที่บ้านของตัวเองเลย
เท้าเราจะได้สัมผัสกับผืนทราย และพื้นไม้ตลอดเวลา เรียกว่าติดดินสุดๆ สัมผัสกับธรรมชาติทุกย่างก้าว หากว่าเราอยากถอดตามคอนเซปเค้า เราก็ถอดรองเท้าใส่ถุงไว้พนักงาน เค้าจะหิ้วไปส่งให้ พร้อมๆ กับกระเป๋าเดินทาง
แต่ถ้าเราไม่อยากถอด ก็ไม่เป็นไรนะคะ ใส่ได้เหมือนกัน หญิงปุ๊กก็ไม่ได้ถอด ไม่ค่อยสะดวกเดินเท้าเปล่า จั๊กจี้เท้า
เผลอแป้บเดียว นั่งเรือไปแค่ 20 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้วจ้า ใกล้สนามบินมาเล่มากเลย
เมื่อเรือจอดเทียบท่า ก็มีบัทเลอร์มาต้อนรับกันอย่างอบอุ่น และแยกย้ายกันพาแขกไปเข้าบ้านพักของตัวเอง
ซึ่งบ้านพักของหญิงปุ๊กอยู่กลางทะเลจ้า ไม่มีทางเดินเชื่อมต่อ ต้องนั่งเรือส่วนตัวเข้าบ้านเท่านั้น
บ้านพักแบบนี้ เรียกว่าเป็นแบบ Crusoe Residence มีทั้งหมดแค่ 7 หลัง
ความรู้สึก คือแบบว่าส่วนตั๊วส่วนตัวจริงๆ ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเล มิกลัวคลื่นลมใดๆ ทั้งสิ้น
ที่หญิงปุ๊กเลือกบ้านพักหลังนี้ เพราะคุณแม่รีเควสว่า มามัลดีฟส์ทั้งที อยากพักบ้านกลางทะเล ไปเลย โอเค ได้จ้า หญิงจัดให้ และคนที่คอยดูแลเราตลอด 24 ชม. ตลอดระยะเวลาที่เราพัก โดยปกติจะถูกเรียกว่าบัทเลอร์
แต่ที่นี่เรียกว่า Mr. Friday หรือ Mrs. Friday แทนนะจ้ะ Mrs. Friday ของเราพาเราเดินเข้าบ้าน
ที่หน้าบ้าน มีเจ้าเม่นตัวนี้นอนเฝ้าอยู่ น่ารักเน้อะ เจ้าตัวนี้เอาไว้ทำความสะอาดเท้าที่เปรอะทรายจ้ะ ขัดๆ ถูๆ จั๊กจี้ๆ
มีการจัดเตรียม Welcome Drink เป็นแชมเปญ พร้อมอาหารว่าง ขนมหวานไว้ให้ทาน โฮะๆๆ กรุบกริบๆ
หลังจากนั้นก็ทำการเช็คอินกันในบ้านพักนี้เลย แล้วก็แนะนำส่วนต่างๆ ของบ้าน รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ
อย่างที่บอกไปแล้วนะคะว่า ที่นี่เน้นธรรมชาติมากๆ พวกวัสดุต่างๆ ที่ใช้ทำโรงแรม และเครื่องใช้ต่างๆ ล้วนมาจากธรรมชาติ
เช่น ทำจากไม้ส้นที่ปลูกเอง ไม้ต้นปาล์ม ไม้ไผ่ และไม้สน งดเว้นการใช้วัสดุที่ทำจากพลาสติกค่ะ
เริ่มจากพื้นที่ส่วนตรงกลางในบ้าน จะเป็นห้องนั่งเล่น พื้นบริเวณนี้เก๋มาก เป็นกระจกใสมองเห็นน้ำทะเลด้านล่างจ้ะ
ด้านซ้ายมือจะเป็นทีวี มีดาวเทียมนะ แต่เค้าก็แนะนำให้ไว้ใช้สำหรับดูหนังในซีดี ดีวีดีแทน มีไอพอดบรรจุเพลงเพราะๆ ไว้ให้ฟังด้วย
ด้านขวามือมุมนึงเป็นเบาะนั่งเล่น พร้อมโต๊ะหมากรุก
และมีโต๊ะทานข้าว ที่เค้าวาง Welcome Drink ไว้ อยู่อีกมุมนึงจ้ะ ห้องนี้มีแอร์ และพัดลมพร้อม มีสัญญาณไวไฟ
และหากเราเปิดประตูออกไป เราก็จะพบกับ sun deck ที่ยื่นออกไปสวยๆ แบบนี้ พร้อมเก้าอี้อาบแดด น้ำทะเลสวย บ้านพักก็ชิลมาก ฟินไปเลย
ส่วนถัดไป ถัดจากห้องนั่งเล่นตะกี้นี้ ทางซ้ายมือ คือตู้มินิบาร์ค่ะ ก็มีอุปกรณ์ชา กาแฟ น้ำดื่ม
แล้วก็เดินทะลุไปอีก จะเป็นห้องนอน ดูสบายๆ น่านอน มีมุ้งให้กางด้วย มีแอร์
อารมณ์คือนอนอยู่บนเตียง มองจากปลายเท้า ก็เห็นน้ำทะเล ชัดแจ๋ว ใสแจ๋ว รอบด้านเลย คริคริ
โอ้ว สวรรค์ชัดๆ แค่ได้นอนดูน้ำทะเลเฉยๆ ก็มีความสุขแล้วนะนี่
ย้อนกลับมาทางเดิม ผ่านห้องนั่งเล่น จะเป็นห้องน้ำ ห้องน้ำกว้างขวางใหญ่โตมากจ้า อ้อ.. ต้องอธิบายก่อนว่า มีแค่พื้นที่ในส่วนของห้องนอน และห้องนั่งเล่นเท่านั้นที่มีแอร์ นอกนั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่ง เป็น open-air หมดเลยจ้า รับลมธรรมชาติกันให้เต็มที่ไปเลย ตรงห้องน้ำนี้ ตอนกลางวันแอบอบๆ ร้อนๆ เหมือนกัน ต้องเปิดหน้าต่างให้หมด ลมจะได้พัดเข้ามา
แต่ปัญหามีอยู่นิดนึงค่ะ คือถ้าเปิดหมด เปิดอ้าซ่า เวลาเราจะเปลี่ยนเสื้อผ้า จะล่อนจ้อน เตรียมตัวไปอาบน้ำ เราจะทำไงดี
จะมีใครมาแอบมอง หรือมองเห็นเราบ้างไหมน้อ 555 แอบระแวง บ้านข้างๆ จะมีกล้องส่องทางไกลมั้ยเนี่ย
แม้รู้ว่าเราอยู่ในบ้านส่วนตั๊วส่วนตัว กลางทะเลก็เถอะ แต่ก็อาจจะมีเรือผ่านไปมาก็ได้นา
นอนแช่อ่างตรงนี้ มองวิวฟินไปเลย เพื่อนๆ ว่าคนอื่นจะกล้าล่อนจ้อนนอนแช่อ่างตรงนี้ไหมคะ
หญิงปุ๊กคงใส่ชุดว่ายน้ำ ไม่ก็ขอผ้าถุงสักผืน มานั่งตีโป่งในนี้ ดีกว่านะ สบายใจดี 555
ข้างๆ เป็นอ่างล้างหน้าสองเคาน์เตอร์ ด้านนึงมีพัดลมเป็นตัวช่วย เผื่อร้อน เหงื่อตก
อีกด้านนึงเป็นบันไดทางลง ไปยังน้ำทะเล หญิงปุ๊กคิดว่าเป็นที่สำหรับเล่นน้ำทะเลส่วนตัว
เผื่อใครไม่กล้าออกไปว่ายกลางทะเลจริงๆ เล่นตรงนี้ก็รู้สึกปลอดภัยดี ทีแรกหญิงปุ๊กว่าจะลงไปจุ่มน้ำตรงนี้สักหน่อย
แต่ว่าใต้บันไดดันนนนนมีปลาไรไม่รู้ตัวยาวเท่าแขน หัวใหญ่เท่าฝ่ามือ อยู่กันเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก
เกาะติดบันไดทางลงเลย ว่ายวนไปก็วนมา ไม่ยอมไปไหนสักที แถมถัดจากปลา มีปูไต่ไปไต่มาตรงเสาไม้
หญิงปุ๊กเห็นแล้วก็เกิดอาหารป๊อด ปอดแหก 555 ไม่กล้าลงไป กลัวมันกัด จ๊ากกก.. ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ มองดูครอบครัวปลา ว่ายน้ำกันอย่างมีความสุข โอเค หนูจะไม่ลงไปรบกวนนะคะ เชิญพักผ่อนกันตามอัธยาศัยค่า แล้วก็ฝั่งตรงข้ามของเคาน์เตอร์ ก็จะเป็นตู้อุปกรณ์ของใช้ครบครัน มีเจลว่านหางจระเข้ ครีมกันแมลง โลชั่นทาหลังอาบแดด แชมพู ครีมนวด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบบออแกนิกซ์ และไม่ใช้พลาสติก เค้าใส่กระปุกเซรามิคแทน แล้วก็มีที่แขวนเสื้อผ้า และที่วางกระเป๋าเดินทางจ้ะ
เขยิบไปทางซ้ายอีกนิด โอ้มายก๊อด ล่อนจ้อนอีกแล้วค่ะ ทางเดินไปสู่ห้องอาบน้ำ ไม่มีประตู..!!! 555
กำแพงรอบด้านเป็นบล๊อคแก้วใส ทำให้เราจินตนาการไปไกลว่า คนข้างนอก จะเห็นเรา หรือเงาเราตอนอาบน้ำไหมน้อ
ตอนที่หญิงปุ๊กอาบน้ำ น้ำไหลแรงดี ซู่ๆ อาบน้ำอยู่ ก็มองเห็นวิวทะเล เห็นเรือวิ่งผ่าน
แอบกระวนกระวายใจเล็กน้อยว่า ทำไมกำแพงบ้านเตี้ยจัง ฮ่าๆๆๆ เราเห็นเขา แล้วเขาเห็นเราไหม
ได้สัมผัสกับความรู้สึกเวิ้งว้าง เคว้งคว้าง จนแอบวิ่งไปหยิบผ้าขนหนูมาหนีบๆ ทำเป็นประตูกั้นไว้
ก็หนูอายนิสนึง ไม่ชิน 555 คิดไปเอง จริงๆ คนอื่นไม่น่าจะเห็นหรอกเน้อะ คริคริ
พื้นที่ชั้นล่างหมดแล้วจ้ะ ขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อ ข้างบนมีเบาะไว้ให้นั่งพักชมวิว
แล้วก็โต๊ะพร้อมเก้าอี้สี่ตัว มองเห็นบ้านพักหลังอื่นจากมุมสูง บรรยากาศดีมากจ้ะ
ที่เราเห็นอยู่ตรงนู้นนน คือบ้านพักแบบ Private Reserve กับ Villa Suite ค่ะ
ส่วนนี่คือบรรยากาศยามเย็นจ้า ชมวิวกันชิลๆ
และช่วงตอนนั่งเรือไปดินเนอร์ค่ะ ระหว่างทาง Mrs. Friday เค้าจะชี้ให้เราดูปลากระเบนที่ว่ายอยู่ในน้ำด้วยจ้ะ
หญิงปุ๊กพาทัวร์บ้านพักแบบ Crusoe Residences เสร็จแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปดูแผนที่โรงแรม และห้องพักแบบอื่นๆ กันต่อค่า
โรงแรม Gili Lankanfushi มีแค่บ้านพักกลางทะเลเท่านั้น Water Villas มีทั้งหมด 45 หลัง
โดยบ้านพักจะเรียงรายกระจายกันอยู่ในสามท่า jetties ที่ยื่นออกจากเกาะไปกลางทะเล
แบ่งห้องพักออกเป็น 5 ประเภท (ภาพจากเว็บโรงแรม) ได้แก่
Villa Suites มี 29 ห้อง ขนาด 210 ตารางเมตร ตั้งเรียงรายอยู่รอบ jetties มีหลังนึงเป็นแบบ Spa Suite พักได้สูงสุด 3 ท่าน
Residences มี 8 วิลล่า ขนาด 250 ตารางเมตร ตั้งอยู่ปลายสุดของแต่ละ jetties พักได้สูงสุด 4 ท่าน
Crusoe Residence มี 7 วิลล่า ขนาด 250 ตารางเมตร ตั้งอยู่กลางทะเล
มีเรือส่วนตัว มีเปลกลางทะเลส่วนตัว พักได้สูงสุด 4 ท่าน
Private Reserve มี 1 หลัง ขนาด 1,400 ตารางเมตร
เป็นวิลล่ากลางทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนี้ อยู่ห่างออกไปจากเกาะ 500 เมตร
ตัวบ้านแยกออกเป็นห้าส่วน มีสองห้องนอนใหญ่ หนึ่งห้องนอนเล็ก มีห้องสปาส่วนตัว
ห้องอบไอน้ำ มียิมส่วนตัว มีบัทเลอร์สองคน มีห้องครัว และห้องเก็บไวน์
มีเรือส่วนตัวสองลำ และสไลด์เดอร์ส่วนตัวหนึ่งอัน พักได้สูงสุด 8 ท่าน
ตอนที่หญิงปุ๊กไปพัก มีแขกพักอยู่ เค้าบอกว่าเหมาอยู่เป็นเดือนเลยจ้า สุดยอดดดดด
จากที่เคยอ่านรีวิว คิดว่าเราน่าจะได้เห็นปะการังเขากวาง และปลาการ์ตูนนีโมน่ารักๆ ชิลๆ แถมมีเพื่อน ไม่ต้องกลัวแล้วเรา แต่พอไปที่สถานที่จริง ผู้ช่วยของเราเป็นหนุ่มกำยำ พาไปบนเกาะ One Palm Island ที่เป็นจุดดำน้ำตื้น
เค้าพาหญิงปุ๊กว่ายไปนะคะ จากน้ำสูงระดับเท่าต้นขา ผู้ช่วยเราพาว่ายไปเรื่อยยยยยยย จนมองไม่เห็นพื้นทะเลเลยค่า
อยากจะกลับใจจะขาด แต่เค้าบอกโอเคๆๆ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว แล้วก็ว่ายนำทางต่อ – -” จำท่าโอเคๆ ได้ติดตาเลย 555
อยากจะดูน้ำตื้นๆ ดูนีโม่ นี่พาว่ายไปไกลเลย พาไปให้ดูปลาตัวใหญ่ อยู่ลึกเชียว
ถ้าพูดกันตรงๆ ก็กลัวนะคะ 555555 คือว่ายน้ำไม่เป็นไง แต่ยังไงก็ตาม ก็อุ่นใจที่มีเค้าดูแลอยู่ และประทับใจที่ได้เห็นฝูงปลาด้วยค่า
นี่คือพันธุ์ปลาต่างๆ ที่จะพบเห็นได้ในบริเวณโรงแรมนี้นะคะ